วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2551

ภูเก็ต : อดีตแห่งไข่มุก อันดามัน

เกาะสวรรค์ที่อาจจะกลายเป็นเพียงเมืองในฝัน ที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสสำหรับคนไทย (ในอนาคต)

ถึงเดือนเมษา หน้าร้อน ถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเล ของเมืองไทย คนกรุงเทพฯ หรือคนจากภาคอื่นๆ ทั้ง เหนือ อีสาน และกลาง ต่างมุ่งหน้าลงสู่แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นทะเล เพื่อหนีร้อนลงไปแช่น้ำให้ชุ่มฉ่ำกาย ใจ ในช่วงวันศุกร์ปลายสัปดาห์ หรือวันหยุดยาว หลายๆบ้าน หอบหิ้วครอบครัว ลูกหลาน ขับรถมุ่งหน้า สู่ภาคตะวันออก หรือ ภาคใต้ คนที่มีเวลาน้อยก็จะอยู่แถวทะเลบางแสน พัทยา หรือ ทะเลระยอง ส่วนเส้นทางสายใต้ ก็แถวชะอำ หัวหิน แต่ถ้ามีเวลามากหน่อย ก็ลงไปถึง สุราษฎร์ฯ ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และตามเกาะแก่งต่างๆ ทั้งในฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน

จังหวัดภูเก็ต ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเล ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนของหลายๆคน เกาะภูเก็ต เป็นแดนสรรค์สำหรับหนุ่มสาว ที่จะพากันไปพักผ่อนหย่อนใจสานสัมพันธ์รักกันแน่นแฟ้น ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ในฐานะ “เมืองแห่งไข่มุก อันดามัน” หรือ Paradise on Earth นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม-มีนาคม ของทุกปี ซึ่งถือเป็นช่วง Peak สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองภูเก็ต ที่นักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้มีกำลังซื้อน้อยกว่าคนต่างชาติ จะต้องถอยให้ และไปเที่ยวแหล่งอื่นๆแทน ฉะนั้นในช่วงหน้าร้อน ของบ้านเราจึงเป็นฤดูท่องเที่ยวที่คนไทย จะมีโอกาสสัมผัสบรรยากาศ ของเกาะสรรค์อย่างเมืองภูเก็ตบ้าง ถึงแม้จะเสียงต่อการเจอฝนตกบ้างในช่วงนี้

ภูเก็ต ในวันนี้........หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เดิมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะเข้าท่องเที่ยวเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ตุลาคม-มีนาคม) แต่ปัจจุบันชาวต่างชาติ ที่คุ้นเคยกับการเข้ามาท่องเที่ยวในเกาะภูเก็ต เริ่มมองเห็นช่องทางในการซื้อที่อยู่อาศัยในระยะยาว เพื่อจะได้เดินทางเข้ามาได้ทุกปี หรือ อยู่อาศัยในระยะยาว บ้างก็ตั้งรกรากทำธุรกิจ ทั้งที่ถูกกฏหมาย และลักลอบ โดยมีคนไทยออกหน้าให้ ทำให้ขณะนี้ ที่ดิน,โครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองภูเก็ต ปรับตัวสูงขึ้น โรงแรมที่พัก ซึ่งเดิมจะแบ่งแยกชัดเจนในช่วงไฮ หรือ โลว์ซีซัน แต่ปัจจุบันราคาค่าที่พักเท่ากันเกือบทุกช่วงเวลา ไม่เหลือช่องว่างทางด้านราคาให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย ได้เดินทางเข้ามาชื่นชม

-จังหวัดภูเก็ต ในวันนี้ มีเที่ยวบินของสายการบินต่างๆ บินตรงทั้งไฟลท์ในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึง เครื่องเช่าเหมาลำจากยุโรป และประเทศอื่นๆ ทำให้สนามบินภูเก็ต ค่อนข้างแออัด เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ดังนั้น การจะเดินทางโดยเครื่องบิน คงจะต้องวางแผนล่วงหน้าพอประมาณ จะได้ราคาที่ต่ำในบางช่วงเวลา

-ในบางช่วงเวลา โรงแรมที่พักในภูเก็ตหลายแห่ง ไม่สนใจที่จะรับนักท่องเที่ยวคนไทย เพราะเป็นช่วงไฮซีซัน ที่ถือเป็นเวลาทำเงินของธุรกิจท่องเที่ยวในเกาะภูเก็ต จึงจำเป็นที่คนไทยอย่างเราๆ ต้องหลบให้ต่างชาติ (เพราะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. มักจะเคลมว่า ภูเก็ต ทำรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับหนึ่ง)

-ธุรกิจหลายอย่างใน ภูเก็ต โดยเฉพาะโรงแรม ตามแหล่งท่องเที่ยว ชายหาดต่างๆ ตกเป็นของคนต่างชาติ และเป็นพื้นที่ปิดสำหรับคนไทยโดยเฉพาะคนท้องถิ่นไม่สามารถเข้าไปได้ การตั้งราคาขายคิดเป็นเงินดอลลาร์ ซึ่งแน่นอน ราคาสูงเกินกว่าที่นักท่องเที่ยวคนไทยจะเข้าพักได้

-ในช่วงเร่งด่วน ภูเก็ต ไม่แตกต่างไปจาก กรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่อื่นๆ ที่มีปัญหารถติด แต่ปัญหาของภูเก็ตมีมากกว่า คือ เส้นทางคมนาคม หรือระบบขนส่งมวลชนยังล้าหลัง มีทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวน้อยมาก ทำให้ นักท่องเที่ยว ถูกเอารัดเอาเปรียบ จากผู้ประกอบการขนส่ง เช่น แท็กซี่ ตุ๊กๆ หรือ รถตู้ (อันนี้ ไม่เฉพาะต่างชาติ นักท่องเที่ยวคนไทย ที่มาจากต่างถิ่น ก็โดนเช่นกัน)

-ทะเลไทย ยังมีความสวยงามอีกหลายแห่ง หากต้องการหลีกเลี่ยงเมืองภูเก็ต สามารถไปที่ กระบี่ ตรัง หรือ พังงา ก็สามารถเดินทางเชื่อมไปยังเกาะแก่งต่างๆของทะเลอันดามันได้เช่นกัน ซึ่งน่าจะมีค่าใช้จ่าย ทั้งด้านการเดินทาง อาหาร และที่พัก ราคาต่ำกว่าภูเก็ต
ภูเก็ต ยังคงมีความสวยงาม และก็ยังมีปัญหาที่จะต้องแก้ไข ....ภูเก็ต ยังเป็นเมืองในฝันของหลายคน ทั้งคนไทย และคนต่างประเทศ ถึงแม้ หลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป ...แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นหลายอย่าง หากปล่อยให้สายเกินแก้ไข ภูเก็ต...จะเหลือเพียงชื่อเสียงความสวยงาม และเป็นเมืองในฝัน ที่ยังคงเป็นเพียงฝันจริงๆ สำหรับคนไทยหลายคนที่ไม่มีโอกาสได้เดินทางไปสัมผัส เพราะ ภูเก็ต เป็นเมืองนานาชาติ ที่กำลังกลายเป็นเมืองของคนต่างชาติ จริงๆ
(To be continue)

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2551

การเมืองอเมริกา : การเมืองไทย

สหรัฐอเมริกา กำลังอยู่ในช่วงการแข่งขัน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งตัวแทนของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค
คือ พรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน ในการแข่งขันเพื่อดำรงตำแหน่งหัวหน้าตำรวจโลก
...ตำแหน่ง “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ” ... ที่กำหนดเลือกตั้งกันใน วันที่ 4 พฤศจิกายน 2008

ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงของนักการเมืองสหรัฐฯ ในบางครั้งก็เหมือนกับ นักการเมืองในประเทศอื่นๆ
ที่มีการสาดใส่ป้ายสีในเรื่องส่วนตัว แต่ประเด็นที่น่าสนใจและผู้สมัครแต่ละคนนำมาพูดถึง มักจะเป็นการ
นำเสนอเรื่องนโยบายการบริหารประเทศเป็นด้านหลัก ในช่วงนี้ ตัวแทนของผู้สมัครจากทั้งสองพรรค
กำลังโจมตีกันในเรื่อง ประสบการณ์ด้านต่างประเทศ และ นโยบายทางด้านความมั่นคง ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ทุกยุคทุกสมัยต่างก็ให้ความสำคัญ และนโยบายต่างๆ เหล่านี้ ก็จะมีผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ทั้งที่เป็นพันธมิตร และปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ด้วย

ประเด็นต่างๆ ที่นักการเมืองสหรัฐฯ นำมากล่าวโจมตีกัน อาทิ
นายจอห์น แมคเคน ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ได้เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน ในการลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหาเสียงโจมตีนายบารัก โอบามา ผู้สมัครชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ว่า ไร้ประสบการณ์ด้านความมั่นคงระดับชาติ โดยอาศัยประเด็นเรื่องการถอนทหารในอิรัคเป็นประเด็นหลัก นอกจากนั้น แมคเคน ยังโชว์ความเหนือชั้นกว่า จากการเป็นนักการทหาร และเคยร่วมรบในสงครามเวียดนาม ด้วยการเดินทางไปเยี่ยมค่ายทหาร ในตะวันออกกลาง
หรือแม้แต่ นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ที่ถูกโจมตีจากผู้สมัครรายอื่น (นายโอบามาฯ )ว่า อ่อนด้อยประสบการณ์ ด้านต่างประเทศ จนเธอต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เธอเคยถูกลอบยิงด้วยปืนระยะไกลระหว่างเยือนบอสเนียในช่วงต้นศตวรรษ 1990 ซึ่งถือเป็นการเรียกร้องคะแนนความสนใจว่า เธอมีประสบการณ์ในด้านต่างประเทศ และเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ แต่การกล่าวอ้างดังกล่าว มีการขุดคุ้ยหลักฐานต่างๆ มาหักล้าง จนกระทั่ง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (25 มี.ค.51) เธอได้ออกมายอมรับว่า คำกล่าวอ่างดังกล่าว เป็นเรื่องที่ผิดพลาดเธอเพียงแต่จำผิดเท่านั้น

การเมืองสหรัฐฯ ยังคงแข่งขันกันต่อไป และเราจะรู้แน่ชัดว่า ใครจะดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ก็คงล่วงเลยไปจนถึงวันที่ 5 พฤศจิกยน 2008 หลังวันนับคะแนนอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อแน่ว่า
ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสรัฐฯ ผลกระทบหรือส่วนได้ส่วนเสีย อันจะมีต่อประเทศไทย ที่จะมาจากตัวบุคคล คงมีไม่มากนัก แต่ผลกระทบในห้วงปัจจุบัน และระยะยาวที่จะมีต่อไทย คงจะมาจาก สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก เป็นด้านหลัก

การเมืองไทย สถานการณ์ประเทศไทย ยังร้อนแรง และ ต้องจับตาด้วยความเป็นห่วง การสาดใส่ ให้ร้าย
ต่อกัน ยังคงเป็นเรื่องปกติ แต่ที่แตกต่าง กับการเมืองประเทศอื่นนั้น คือ นักการเมืองบ้านเรา ไม่เคยออกมายอมรับในความผิดพลาดของตนเอง ยังคงเอาดีใส่ตัว ให้ร้ายต่อคนอื่น

กลางกระแสวิกฤตของประเทศไทย หลายคนอาจหวั่นวิตก เพราะมีหลากหลายปัจจัยให้เป็นห่วง ทั้งเรื่องสถานการณ์การเมืองที่ง่อนแง่น และการเผชิญหน้า ที่ส่อเค้าความรุนแรง ยังมีภาวะเศรษฐกิจที่กดดัน
ทุกภาคส่วน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นตลอดเวลา

คงต้องช่วยกันปรับ ช่วยกันแก้ต่อไป โดยเฉพาะคงต้องเริ่มที่ตัวเราแต่ละคนก่อน ในส่วนที่เราเกี่ยวข้อง ในท้ายที่สุดสิ่งต่างๆ จะเข้าที่เข้าทาง คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี
“ทุกสิ่งทุกอย่าง ดำเนินไปในเส้นทางของมัน ที่ควรจะเป็น”

เริ่มต้น/แนะนำตัว

ในเวลาแต่ละวันของคนเรา ผ่านเรื่องราวหลากหลาย
บางเรื่อง เก็บไว้กับตัวเรา (คนเดียว)
บางเรื่องต้องการแบ่งปัน
บล็อกนี้ ทำขึ้นเพื่อ บอกเล่า หลากหลายเรื่องราว ไม่จำกัด ไว้ที่เรื่องใด เรื่องหนึ่ง
อาจจะเป็นเรื่องราวการเดินทาง เรื่องสังคมประเทศไทย หรือ สังคมโลก
รวมทั้ง ประเด็นปัญหาด้าน เศรษฐกิจ การเมือง ฯลฯ
นอกเหนือไปกว่านั้น ผู้จัดทำบล็อก พร้อมยอมรับทุกความคิดเห็น
เพื่อปรับปรุงไปสู่ เรื่องราวที่ดี มีคุณค่า สร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ ร่วมกัน ต่อไป
mr.s